การเลี้ยงกุ้งกุลาดำแบบยั่งยืน(เสวนา
7)
12/9/2546
15:24:21, by
ผศ.ดร.ชะลอ
ลิ้มสุวรรณ
การเลี้ยงกุ้งกุลาดำแบบยั่งยืน
ผศ.ดร.ชะลอ
ลิ้มสุวรรณ
คณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ธุรกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำในปี
ค.ศ. 2000 หรือ พ.ศ. 2543
กำลังได้รับความสนใจจากนักธุรกิจทุกสาขาอาชีพ
เนื่องจากเป็นสินค้าเกษตรเพียงชนิดเดียวในขณะนี้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องราคาในขณะที่ราคาพืชผลเกษตรทุกชนิดมีปัญหาจนรัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
สาเหตุที่สำคัญทำให้ราคากุ้งกุลาดำสูงมากในปีนี้เนื่องจากประเทศผู้ผลิตกุ้งทะเลในทวีปอเมริกาใต้
โดยเฉพาะประเทศเอควาดอร์ประสบปัญหาโรคดวงขาว
(ตัวแดงดวงขาว)
ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก
คาดว่าในปีนี้ผลผลิตของประเทศเอควาดอร์จะลดลงอีกประมาณ
50,000 เมตริกตัน
จากราคาที่สูงมากในขณะนี้ทำให้มีการขยายพื้นที่เลี้ยงกุ้งมากจนน่าเป็นห่วงว่าหากไม่มีระบบการเลี้ยงที่ดีแล้วนอกจากจะมีปัญหาในการเลี้ยงจะต้องมีปัญหาในเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย
ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยส่งกุ้งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับหนึ่งในขระที่การส่งกุ้งไปยังสหภาพยุโรปมีเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากเนื่องจากปัญหาเรื่อง
จีเอสพี (GSP)
ที่ประเทศไทยต้องเสียภาษีนำเข้าสูงมากจนไม่อาจจะแบ่งปันกับประเทศอื่น
ส่วนการส่งกุ้งไปยังประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ประเทศไทยอยู่อันดับที่
4
ในขณะที่อินเดียส่งกุ้งเข้าประเทศญี่ปุ่นอันดับ
1
ตามมาด้วยอินโดนีเซียและเวียดนาม
จะเห็นได้ว่าตลาดใหญ่ของประเทศไทยมีเพียงตลาดเดียว
ซึ่งอนาคตถ้าเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาไม่ดีอาจจะเกิดปัญหาได้
ในเรื่องการผลิตนั้นประเทศไทยเป็นผู้นำมาตั้งแต่
2534 จนถึงปัจจุบัน
มีการเลี้ยงที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องแต่ในอนาคตอันใกล้นี้เมื่อมีการค้าเสรีทั่วโลก
ประเทศผู้ซื้อกุ้งจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ต่าง
ๆ
เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภคของเขา
ซึ่งเราอาจมองว่าเป็นเงื่อนไขที่จะกีดกันทางการค้าก็ได้
สิ่งที่เกษตรกรในขณะนี้จำเป็นต้องปฏิบัติ
คือ
1.
การผลิตสินค้าเกษตรใด
ๆ
ก็ตามต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมน้อยที่สุด
สินค้าที่ทาจากการทำลายสิ่งแวดล้อมย่อมได้รับการต่อต้านและอาจจะไม่สามารถจะส่งออกไปต่างประเทศได้
ดังนั้นระบบการเลี้ยงกุ้งในบ้านเราในอนาคตจะต้องเป็นระบบที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
การเลี้ยงด้วยระบบน้ำหมุนเวียนจะมีบทบาทมากขึ้น
โดยเฉพาะฟาร์มกุ้งที่เลี้ยงด้วยระบบความเค็มต่ำจะต้องมีการจัดการระบบที่ชัดเจนไม่มีผลกระทบต่ออาชีพอื่น
ๆ โดยรอบ เช่น
มีคูน้ำจืดรอบบ่อเลี้ยงเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเกลือออกไปสู่ภายนอก
มีบ่อพักน้ำมากพอที่จะเก็บน้ำไว้ใช้ตลอดการเลี้ยงและในขณะที่จับกุ้งโดยทั่วไปแล้วควรมีพื้นที่บ่อเลี้ยงและบ่อพักน้ำในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน
ส่วนฟาร์มที่เลี้ยงด้วยความเค็มปกติบริเวณชายฝั่งทะเลในอนาคตจะต้องมีการบำบัดน้ำก่อนที่จะปล่อยออกไปเพื่อลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
2.
การใช้สารเคมีและยาอย่างถูกต้องในปัจจุบัน
มีการใช้สารเคมีและยา
รวมทั้งอาหารเสริมและจุลินทรีย์กันอย่างแพร่หลาย
ในอนาคตอันใกล้นี้จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ที่ชัดจน
สารเคมีและยาต่าง
ๆ
ที่จะใช้ได้จะต้องรับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.)
หรือกรมประมงและอาจจะต้องอ้างอิงตามประเทศผู้ซื้อกุ้งด้วยว่าอนุญาตให้ใช้สารเคมีชนิดใดบ้าง
ในขณะนี้มีการใช้สารเคมีและยาเกินความจำเป็น
นอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นด้วยแล้วอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของการส่งออกได้ในอนาคต
เนื่องจากประกาศผู้ซื้อกุ้งต้องการให้แน่ใจว่าปลอดภัยต่อผู้บริโภค
3.
สุขอนามัยในฟาร์มที่ดี
ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักกับสุขอนามัยในฟาร์ม
ในอนาคตอันใกล้นี้
ประกาศผู้ซื้อกุ้งจะมีบทบาทมากโดยเฉพาะสหภาพยุโรป
จะใช้มาตราฐานความปลอดภัยของวัตถุดิบมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ซื้อสินค้า
เพียงแต่สงสัยว่าไม่ปลอดภัยเท่านั้นโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์หรือทางวิชาการ
ประกาศผู้ซื้อสามารถยุติการซื้อได้
เรื่องสุขอนามัยในฟาร์มรวมทั้งเคมีภัณฑ์ต่าง
ๆ
ที่เกษตรกรใช้อยู่น่าจะเป็นปัญหาที่น่ากลัวมาก
ในอนาคตเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจะต้องมีการรวมกลุ่มกันเป็นองค์กรที่ประสานติดต่อกับทางภาครัฐตลอดเวลาเพื่อทราบข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและหาทางป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้
4.
ลดต้นทุนในการผลิต
ในปัจจุบันนี้แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นผู้นำในด้านการผลิตกุ้งติดต่อกันมายาวนานแต่เราต้องยอมรับความจริงว่าต้นทุนของเราก็สูงที่สุดเช่นเดียวกัน
เมื่อใดผลผลิตกุ้งทั่วโลกมีมากพอประเทศผู้ซื้อกุ้งมีโอกาสเลือกซื้อกุ้งได้มากขึ้น
ประเทศไทยจะประสบปัญหารุนแรงที่สุด
ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ประมาทจำเป็นต้องหาวิธีการเลี้ยงและการจัดการอย่างเหมาะสมที่จะทำให้ต้นทุนลดลง
เมื่อเกิดปัญหากุ้งล้นตลาดแล้วราคาต่ำลงมากก็อาจจะไม่ขาดทุน
แต่ละฟาร์มต้องพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ของตนเองและวิธีการเลี้ยงเพื่อที่จะทำให้การเลี้ยงประสบความสำเร็จและควบคุมต้นทุนในการผลิตได้
วิธีเลี้ยงบางระบบอาจจะเหมาะสมกับบางพื้นที่แต่อาจจะไม่เหมาะสมกับอีกหลายพื้นที่
ผู้เลี้ยงต้องนำเอาข้อมูลต่าง
ๆ
มาพิจารณาให้รอบคอบและดัดแปลงให้เหมาะสมกับฟาร์มของตนเอง
เนื่องจากในขณะนี้แม่พันธุ์กุ้งทั้งหมดมากจากการจับตามธรรมชาติ
ทำให้มีปัญหาเรื่องจำนวนและคุณภาพที่ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับฤดูกาล
และจากข้อมูลผลการเลี้ยงในระยะ
10
ปีที่ผ่านมานี้ต้องยอมรับว่าคุณภาพแม่กุ้งลดลงไม่สามารถเลี้ยงให้ได้ผลผลิตใกล้เคียงกับในยุคแรก
ๆ เมื่อ 10
ปีที่แล้วทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น
ในอนาคตจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังที่จะเลี้ยงแม่พันธุ์กุ้งให้ได้สายพันธุ์ที่ดี
โตไวและปลอดภัยจากโรคไวรัส
โดยเฉพาะไวรัสดวงขาว
รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้และร่วมมือกับภาคเอกชนให้สามารถผลิตแม่กุ้งมีคุณภาพสำหรับรองรับธุรกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีปัญหาโรคกุ้งระบาดรุนแรง
คือช่วงปลายปีถึงต้นปีเนื่องจากแม่กุ้งตามธรรมชาติมีการติดเชื้อดวงขาวมาก
ดังนั้นโรคกุ้งที่นำมาเลี้ยงจึงมีโอกาสติดเชื้อสูงด้วย
ถ้าเกษตรกรไทยให้ความร่วมมือ
และภาครัฐให้ความสนใจอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาธุรกิจหรืออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
จะเป็นอาชีพที่นอกจากจะทำรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการแล้วยังสามารถนำเงินเข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท
ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศชาติ
และจะเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้ในที่สุด
จากหนังสือเสวนาวิชาการเรื่อง
กุ้ง
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล
คณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รศ.ประจวบ
หลำอุบล
|