ระบบการเลี้ยงกุ้งแบบยั่งยืน(เสวนา
9)
12/9/2546
15:51:50, by บรรจง
นิสภวาณิชย์
ระบบการเลี้ยงกุ้งแบบยั่งยืน
บรรจง
นิสภวาณิชย์
ปัจจุบันเศรษฐกิจเมืองไทยมีปัญหามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจภาคอุตสาหกรรม
ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์
รวมถึงธุรกิจทางด้านการเกษตรก็ยังไม่พ้นวิกฤตอันนี้ด้วยเช่นกัน
แต่มีธุรกิจภาคการเกษตรบางอย่างได้รับผลดีกับเศรษฐกิจตัวนี้
เช่น
ธุรกิจการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
เพราะว่าเมื่อมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจค่าเงินบาทลดลง
แต่กลับทำให้ราคาผลผลิตกุ้งกุลาดำกลับมีราคาเพิ่มขึ้น
(ตามค่าเงินบาท)
จึงทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งกุลาดำมีฐานะดีขึ้น
แต่ก็อาจจะเป็นข้อมูลที่เป็นทางบวกอย่างเดียวก็ได้
(สำหรับเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ)
สำหรับเกษตรกรที่ประสบความล้มเหลวในการเลี้ยงกกุ้งกุลาดำหรือการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำก็ยังมีอยู่มาก
เพราะว่าจะมีแต่การคุยถึงคนที่ทำได้สำเร็จ
ไม่มีใครพูดถึงความล้มเหลวเลยแม้แต่น้อย
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีอาชีพเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำเพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจ
จึงได้สัมผัสกับความสำเร็จและความล้มเหลวของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำในประเทศไทยค่อนข้างดีทีเดียว
จึงใคร่จะประมวลสิ่งที่ดีและไม่ดีมาเล่าให้ฟังกัน
อาจจะไม่เป็นวิชาการ
ก็ถือว่าเรามาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกันนะครับ
ในทางปฏิบัติของเกษตรกรทั่ว
ๆ
ไปนั้นก็จะมีหลักเกณฐ์ในการประกอบอาชีพตามที่มีผู้รู้บอกมาตามที่เคยทำมาแล้วประสบผลสำเร็จ
แต่จริง ๆ
แล้วมันเป็นสัจธรรมของการดำรงชีวิตเพื่อการอยู่รอด
ซึ่งในการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำเมื่อเริ่มต้นนั้น
เราจะใช้หลักการของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
เป็นแนวทางในการสร้างฟาร์ม
หาทำเลฟาร์ม
หลักการก็คือการหาทำเลที่จะสร้างโรงเพาะฟักจะต้องมีแหล่งน้ำที่ดี,
อากาศที่ดี,
สาธารณูปโภคต้องดีและอยู่ใกล้กับตลาดที่จะทำการขายสินค้านั้น
ๆ ได้
เมื่อผมเริ่มทำกิจการโรงเพาะฟักผมก็มีความคิดอย่างนี้
ตามตำราบอก
เพราะว่าผมได้รับความรู้ตามทฤษฎีมาเช่นกัน
เมื่อทำฟาร์มไปได้ระยะหนึ่ง
จึงเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น
แหล่งน้ำอากาศที่คิดไว้นั้นหายากแล้ว
เราจะต้องทำให้น้ำที่ไม่ดีใช้ไม่ได้มาเป็นน้ำที่ใช้ได้ปลอดภัย
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ
ในช่วงที่เราเรียนอยู่นั้น
วิชาที่อาจารย์ที่สั่งสอนเรามานั้นบางวิชาไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้เท่าใดนัก
เวลาที่อาจารย์พยายามที่จะให้เราได้รับความรู้เรากลับไม่สนใจละเลยความเอาใจใส่ของอาจารย์
แต่เมื่อผมได้ออกมาประกอบอาชีพของตัวเองแล้วถึงได้รับรู้ความจริงว่าทุกวิชาที่อาจารย์ได้พยายามบรรจุให้เรานั้นมีความหมายอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งผมมีปัญหาเกี่ยวกับแม่กุ้งนำเข้ามาอนุบาลแล้ว
มีอายุได้ประมาณ
2-3
วันก็ตายโดยหาสาเหตุไม่ได้ว่าเหตุที่เกิดเป็นเพราะอะไร
แต่จะเกิดเพราะอะไรอย่าไปสนใจเอาเป็นว่าเมื่อมันเกิดปัญหาแล้วผมจะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้
มิฉะนั้นงานของผมจะไม่สำเร็จ
ผมมีปัญหาอยู่นานพอสมควร
สุดท้ายเราก็ตรวจได้ว่า
เกิดจากการที่น้ำมีสารปนเปื้อนมากจนไม่สามารถรับของเสียเพิ่มได้อีกแล้วจึงทำให้เวลาเราให้อาหารแม่กุ้ง
แล้วมีมีของขับถ่ายออกมาจะทำให้เกิดแอมโมเนียขึ้นซึ่งในสภาพปกติจะไม่เป็นพิษมากมาย
แต่ในสภาวะที่เลวร้ายของน้ำจึงทำให้เกิดความเข้มข้นของแอมโมเนียมากจนเกินปริมาณที่สัตว์น้ำจะรับได้
จึงทำให้แม่กุ้งตายในที่สุด
เราแก้ปัญหาโดยการใช้ฟอร์มาลิน
2-5 พี พี เอ็ม ทุก ๆ
3 ชม.
เท่านั้นเองปรากฏว่าแม้กุ้งหยุดตาย
อันนี้เป็นเพราะอะไรบางท่านอาจทราบแล้วแต่บางท่านอาจจะบอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่เรามาพูดถึงเหตุผลกันดีกว่า
แอมโมเนียเป็นด่างใช่ไหมครับเมื่อทำปฏิกิริยากับฟอร์มาลีนซึ่งเป็นกรดอ่อนแล้วได้อะไร
จะต้องได้เกลือกับน้ำใช่ไหมครับอันนี้เป็นการยกตัวอย่างง่าย
ๆ ให้ดู
โดยนำเอาวิชาเคมีเบื้องต้นมาใช้
ยังมีอย่างอื่นที่ต้องพึ่งวิชาที่อาจารย์ได้สอนอีกมากมาย
ถ้าไม่ได้วิชาที่เรียนมาแล้วผมว่าผมคงไม่เป็นผมทุกวันนี้
เพราะว่าตั้งแต่ที่เริ่มทำงานมา
ผมได้นำเอาวิชาที่อาจารย์สอนมาใช้หลากหลายมาก
จนต้องหาตำราเก่า
ๆ
มาทบทวนและหาความรู้ใหม่เพิ่มแล้วด้วยซ้ำ
ฉะนั้นถ้านิสิตคณะประมงท่านใดที่ได้อ่านก็ขอให้จงมีความตั้งใจที่จะไขว่คว้าหาความรู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้
ดังนั้นการจะประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะทำให้ยั่งยืนได้ต้องมีความรู้
เป็นพื้นฐานหลายด้านมิเช่นนั้นแล้วก็จะเหมือนบางท่านที่มีวิชาแต่พยายามที่ไปเลียนแบบคนอื่นทั้ง
ๆ
ที่ยังไม่รู้ว่าถูกหรือผิด
ไม่พยายามใช้เหตุผลวิชาความรู้ของตัวเองมาไตร่ตรองให้ดี
จึงเป็นผลให้เกิดความล้มเหลวตามมา
สุดท้ายถ้าอยากให้ธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืนนั้น
คงจะต้องใช้สุภาษิตที่ว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ
เมื่อการเลี้ยงกุ้งในตอนเริ่มแรกเราใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไป
ได้แก่
การเลี้ยงกุ้งแบบหนาแน่น
เน้นผลผลิตสูง ๆ
ดึงสิ่งดี ๆ
ที่มีอยู่ในธรรมชาติไปใช้
นำสิ่งแปลกปลอมใส่ลงในธรรมชาติเลยทำให้สภาพของดินน้ำในธรรมชาติเกิดมลพิษที่ไม่เหมาะสมต่อการเลี้ยงกุ้ง
ในการนี้เราได้ปฏิบัติกันแล้วคือการคืนธรรมชาติให้กับสิ่งแวดล้อมและไม่ทำให้สภาพแวดล้อมเสียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยการเริ่มช่วยกันปลูกต้นไม้ในบริเวณบ่อกุ้งและบริเวณรอบ
ๆ บ่อกุ้ง
รวมถึงการที่จะพยายามนำเอาปุ๋ยและเกลือที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบของน้ำ
เพื่อให้มวลของน้ำมีความสามารถที่จะรับเอาปริมาณออกซิเจนได้มากขึ้น
ลดความหนาแน่นในการเลี้ยง
การที่จะทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรหรือนักวิชาการในปัจจุบัน
เรายังมองข้ามความสะอาดในพื้นที่ที่เราทำการเพาะเลี้ยง
จะมุ่งแต่อย่างเดียวว่าเพาะและเลี้ยงให้ได้ผลผลิตให้มากที่สุดแต่ความจริงทุก
ๆ
อย่างต้องไปด้วยกันอย่างผสมผสานจึงต้องมุ่งเน้นทุก
ๆ อย่าง
จากหนังสือเสวนาวิชาการเรื่อง
กุ้ง
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล
คณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รศ.ประจวบ
หลำอุบล
|