ผลกระทบของการเลี้ยงกุ้งทะเลต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคม
16/9/2546
14:56:49, by รศ. ดร.
กังวาลย์
จันทรโชติ
ผลกระทบของการเลี้ยงกุ้งทะเลต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคม
รศ.
ดร. กังวาลย์
จันทรโชติ
การเลี้ยงกุ้งทะเลของประเทศไทยได้มีการดำเนินการมากว่าสามทศวรรษ
โดยเริ่มจากการเลี้ยงกุ้งแบบธรรมชาติในบริเวณอ่าวไทยตอนใน
ผลผลิตส่วนใหญ่จะเป็นกุ้งแชบ๊วย
การเลี้ยงกุ้งกุลาดำในประเทศไทยได้มีการเลี้ยงกันอย่างจริงจังตั้งแต่
พ.ศ. 2528 เป็นต้นมา
โดยการเรียนรู้เทคโนโลยีในการเลี้ยงจากประเทศไต้หวัน
การเลี้ยงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ในปัจจุบันได้มีการเลี้ยงในทุกจังหวัดที่ติดกับทะเล
รวมทั้งในบางจังหวัดที่ไม่ได้ติดกับทะเล
พื้นที่เลี้ยงทั้งหมดได้มีการประมาณไว้ว่ามีถึง
440,000 ไร่
และมีผลผลิตประมาณปีละ
234,000 ตัน
ซึ่งผลผลิตกุ้งส่วนใหญ่จะถูกส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ
สามารถนำเงินตราต่างประเทศได้ประมาณ
47,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนั้นแล้วยังทำให้เศรษฐกิจของท้องถิ่นมีการเติบโตสร้างรายได้ที่ดีให้แก่คนในท้องถิ่น
อีกทั้งยังก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกมากมาย
อาทิเช่น
การผลิตอาหารกุ้ง
อุตสาหกรรมห้องเย็น
การผลิตกุ้งแช่แข็ง
และโรงงานผลิตอุปกรณ์ต่าง
ๆ
ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงกุ้ง
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้ว่าการเลี้ยงกุ้งทะเลจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศในหลายแง่มุมดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ในอีกแง่มุมหนึ่ง
การเลี้ยงกุ้งทะเลก็ได้ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจและสังคมเช่นเดียวกัน
ซึ่งผลกระทบเหล่านี้มีการกล่าวถึงกันไม่มากนัก
โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลได้ก่อให้เกิดมีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน
ปล่อยน้ำเสียและฉีดเลนจากบ่อเลี้ยงลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติอันมีผลกระทบโดยตรงต่อทรัพยากรประมงชายฝั่ง
ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านได้รับความเดือนร้อนเนื่องจากจับสัตว์น้ำได้น้อยลง
และแหล่งน้ำธรรมชาติเสื่อมโทรมลงจนไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
ดังนั้น
จึงจะขอนำเสนอผลกระทบในด้านลบของการเลี้ยงกุ้งทะเลโดยสังเขป
ดังนี้
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
การเลี้ยงกุ้งทะเล
เป็นการนำทรัพยากรต่าง
ๆ
ของประเทศมาทำการผลิตกุ้ง
ผลผลิตที่ได้จะนำมาบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลก
ปัจจัยการผลิตโดยตรงและโดยอ้อมที่นำมาใช้สำหรับการเลี้ยงกุ้งทะเล
ประกอบด้วย
ปัจจัยทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งได้แก่
ปัจจัยทรัพยากรธรรมชาติ
อาทิเช่น
ทรัพยากรดิน
ทรัพยากรน้ำ
ทรัพยากรน้ำ
ทรัพยากรป่าชายเลน
และทรัพยากรประมง
ซึ่งในการเลี้ยงกุ้งนั้น
ได้ก่อให้เกิดผลกระทบภายนอก
(Externality) ขึ้น
ซึ่งผลกระทบนี้เกือบทั้งหมดเป็นผลกระทบในทางลบ
ก่อให้เกิดต้นทุนภายนอก
(External Cost) ขึ้น
แต่ต้นทุนเหล่านี้
สังคมโดยส่วนรวมเป็นผู้รับ
ผู้เลี้ยงกุ้งทะเลจะจ่ายเฉพาะต้นทุนในการเลี้ยงของจน
(Private Cost) เท่านั้น
โดยจะพยายามหลีกเลี่ยงต่อการรับผิดชอบต่อต้นทุนภายนอกที่เกิดขึ้น
ข้ออ้างที่ถูกนำมาใช้ก็คือ
หากผู้เลี้ยงต้องรับผิดชอบในต้นทุนภายนอกแล้ว
จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจนไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
แต่ในปัจจุบัน
ประเทศที่นำเข้ากุ้งทะเลได้ออกกฎระเบียบบังคับให้ผู้ผลิตกุ้งต้องรับภาระของต้นทุนภายนอกทั้งหมด
จึงจะยินยอมให้ส่งกุ้งเข้าประเทศของตนได้
ผลกระทบของการเลี้ยงกุ้งทะเลต่อสิ่งแวดล้อม
มีดังนี้
1.
ผลกระทบต่อทรัพยากรดิน
ได้แก่
การเกิดตะกอนดินเลนก้นบ่อ
(Sludge)
การแพร่กระจายของดินเค็ม
(Saline Soil)
และการเกิดค่าเสียโอกาสที่ดินทิ้งร้างจากการเลี้ยงกุ้ง
2.
ผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำ
3.
ผลกระทบต่อทรัพยากรป่าชายเลน
ซึ่งผลกระทบโดยตรงคือการสูญเสียพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกแผ้วถางเพื่อนำมาใช้เป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง
ทำให้สูญเสียผลประโยชน์จากป่าในรูปของผลผลิตไม้และผลผลิตที่ไม่ใช่ไม้
ผลกระทบในทางอ้อมคือทำให้ระบบนิเวศของป่าชายเลนเปลี่ยนแปลงไป
ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งทั้งมวลได้สูญหายไป
4.
ผลกระทบต่อทรัพยากรประมง
ได้มีการศึกษายืนยันว่า
การที่ป่าชายเลนถูกทำลายลงจะเป็นการทำลายแหล่งวางไข่
แหล่งที่พักตัวของสัตว์น้ำวัยอ่อนหลายชนิด
และแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ
ของเสียที่ปล่อยออกมาจากบ่อเลี้ยงกุ้ง
ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความชุกชุมของสัตว์น้ำชายฝั่ง
จากการศึกษาของภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร
พบว่า
โดยค่าเฉลี่ยแล้ว
การทำนากุ้งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อพื้นที่
1 ไร่ ในระยะเวลา 1
ปี
คิดเป็นมูลค่า
35,215 บาท
และเมื่อคิดต้นทุนเพิ่มหน่วยสุดท้ายด้านสิ่งแวดล้อม
(Marginal Environmental Cost)
มีค่า 50
บาทในจังหวัดจันทบุรี
และ 43
บาทในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งหากผู้เลี้ยงต้องรับภาระต้นทุนในการเลี้ยงกุ้งทะเลทั้งหมด
ซึ่งรวมถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย
ต้นทุนทางสังคมที่แท้จริงของการเลี้ยงกุ้งทะเลต่อกิโลกรัมจะอยู่ที่
275 บาท (จังหวัดจันทบุรี)
และ 261 บาท (จังหวัดนครศรีธรรมราช)
เพื่อให้การเลี้ยงกุ้งทะเลคงอยู่ต่อไปโดยไม่เบียดบังสังคมโดยส่วนรวม
ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องยอมรับค่าใช้จ่ายในทุกด้านที่เกิดขึ้น
ซึ่งหากคิดต้นทุนทุกอย่างแล้ว
จะมีผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นที่ยังสามารถอยู่ในธุรกิจนี้ได้ต่อไป
ประเทศไทยจะต้องยุติการแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการให้สังคมโดยส่วนรวมแบกรับภาระต้นทุนภายนอกที่เกิดขึ้นด้วย
ผลกระทบด้านสังคม
ผลกระทบของการเลี้ยงกุ้งกุลาดำทางด้านสังคม
มีผู้กล่าวถึงค่อนข้างน้อย
เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
และขาดข้อมูลที่จะนำมายืนยันได้อย่างชัดเจน
เนื่องจากเป็นผลกระทบที่จับต้องไม่ได้
(Intangible Impacts)
เป็นส่วนใหญ่
และยากที่จะสามารถวัดเป็นตัวเงินได้
ผลกระทบทางด้านสังคมอาจแบ่งออกได้เป็น
2 ระดับคือ
1.
ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์
การเลี้ยงกุ้งทะเลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์
ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
ขาดแหล่งน้ำอุปโภค
มีสัตว์ที่รบกวนและสร้างความรำคาญมากขึ้น
และในบางกรณีได้ก่อให้เกิดโรคระบาดขึ้น
2.
ผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
ก่อให้เกิดมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมทางสังคม
จิตใจ
โครงสร้างครอบครัว
รวมถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น
ประเพณี
ความเชื่อ
และความเข้มแข็งของชุมชน
ในหลายกรณีได้เกิดการขัดแย้งในชุมชน
เนื่องจากมีการใช้ทรัพยากรที่แตกต่างกัน
ผลกระทบต่อครอบครัวจะเห็นได้ค่อนข้างชัด
ครอบครัวได้เกิดการแตกแยกไม่ว่าจะเลี้ยงกุ้งได้ผลกำไรดีหรือขาดทุน
ที่ร้ายที่สุดก็คือ
มีบางครอบครัวได้ฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว
เนื่องจากทำการเลี้ยงกุ้งแล้วมีหนี้สินล้นพ้นตัว
การสังหารกันเนื่องจากผลประโยชน์ที่ขัดกันก็มีเกิดขึ้นในหลายพื้นที่
กล่าวโดยสรุปแล้ว
การเลี้ยงกุ้งทะเลได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศได้ในระดับหนึ่งก็จริง
แต่ก็มีผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วยเช่นกัน
ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการที่จะได้อะไรมาบางอย่าง
ก็ต้องมีการสูญเสียอะไรบางอย่างเช่นกัน
ดังนั้น
ในการพัฒนาสิ่งใด
ๆ
จะต้องพิจารณาทั้งด้านบวกและลบให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกประเด็น
เพื่อให้การตัดสินใจนั้นก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ส่วนรวมมากที่สุด
กิจกรรมใดที่สร้างแต่ผลประโยชน์ของบุคคลแล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่สังคม
กิจกรรมนั้นควรระงับไปโดยเร็ว
สังคมจึงจะอยู่กันอย่างสงบสุขได้
จากหนังสือเสวนาวิชาการเรื่อง
กุ้ง
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล
คณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รศ.ประจวบ
หลำอุบล
|