|
|
การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
25/10/2545
11:51:14, by
ธิดา เพชรมณี
อาชีพการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
|
จนถึงวันนี้อาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำที่โดดเด่นที่สุดยังคงเป็นอาชีพการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ
ในอดีตอาชีพเลี้ยงกุ้งเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงให้ผลตอบแทนสูง
ในปัจจุบันอาชีพนี้มีความเสี่ยงสูงยิ่งขึ้น
ขณะที่ผลตอบแทนสูงเกิดขึ้นได้ยากกว่าแต่ก่อน
เพราะในปัจจุบันปัจจัยในการเลี้ยงกุ้งไม่ดีเหมือนเดิม
ทั้งสภาพบ่อ
สภาพน้ำ
ลูกกุ้ง
และอาหารขณะที่มีคู่แข่งมากขึ้นและผู้บริโภคกำลังเรียกร้องต้องการกุ้งปลอดสารพิษและกุ้งที่เลี้ยงโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ฯลฯเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งอยู่แล้วหรือคิดจะเลี้ยงกุ้งจำเป็นจะต้องเรียนรู้ชีววิทยาของกุ้ง
นิสัยของกุ้ง
ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่กุ้งต้องการ
รวมถึงการตลาดทั้งจากเอกสาร
การสัมมนา
การฝึกอบรม
และจากผู้มีประสบการณ์
(รวมทั้งประสบการณ์ของตัวเอง)
แล้วนำความรู้มาวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การจัดการที่เหมาะสมกับพื้นที่
เวลา
และเงินทุน
เพื่อให้ต้นทุน
คุณภาพ
และราคาไปด้วยกันได้
นั่นคือเลี้ยงแล้วไม่ขาดทุนการเลี้ยงกุ้งในปัจจุบันควรมีบ่อพักน้ำหรือบ่อบำบัดอย่างเพียงพอ
จะบำบัดโดยใช้สาหร่ายและปลากินเนื้อตามที่คุณอนันต์แนะนำ
หรือจะบำบัดโดยกรองทรายให้จุลินทรีย์ธรรมชาติช่วยตามวิธีของ
ดร.พุทธ
ก็ได้
เนื่องจากคุณภาพของน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติส่วนใหญ่เสื่อมลงและบำบัดตัวเองไม่ทัน
ถ้าไม่ใช้ยาและสารเคมีมากอัตราแลกเนื้อในรุ่นก่อนไม่เกิน
1.4
อาจจะไม่ต้องลอกเลน
เพียงแต่ถ่ายน้ำออกตากบ่อให้แห้งหมาดๆ
ถ้าไม่ใช่บ่อดินเหนียวต้องไถพลิกหน้าดินเพื่อให้จุลินทรีย์ในบ่อช่วยทำให้ดินก้นบ่อดีขึ้น
ดร.สถาพร
บอกว่าดินต้องชื้นๆ
ไม่แห้งมากจุลินทรีย์จึงจะช่วยได้ดี
ระบบการเติมอากาศใช้ทั้งเครื่องตีน้ำและการวางท่อลมร่วมกัน
ดร.พุทธ
บอกว่าดีกว่าใช้ระบบใดระบบหนึ่งการเลือกพันธุ์กุ้งมาลงบ่อถ้าเป็นไปได้ควรเลือกจากฟาร์มในพื้นที่เลี้ยงเพื่อเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดจากการขนส่ง
และเพื่อจะได้ไปติดตามดูลูกกุ้งได้
ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้ง
ควรจะสะอาดและอนุญาตให้เราเยี่ยมชมได้
ลูกกุ้งควรจะเป็น
พี 15
ยาวประมาณ
1.2 ซม.
แผ่นหางกางเต็มที่แล้ว
ตัวใสสีอะไรก็ได้
ลำไส้มีอาหารเต็ม
หนวด
และระยางค์ต่างๆปกติ
เมื่ออยู่ในกาละมังถ้าใช้มือกวนน้ำจะวนตามน้ำ
เมื่อเราหยุดกวนมันจะหยุดอยู่กับที่หรือพยายามว่ายทวนน้ำไม่ใช่มากองรวมอยู่ตรงกลาง
แสดงว่าลูกกุ้งแข็งแรงดีไม่มีโรค
ถ้าจะให้แน่ชัดยิ่งขึ้นก็ใช้ช้อนตวงขนาดช้อนชา
เจาะรูให้น้ำไหลออก
ตวงลูกกุ้งตามที่คุณคำนึง
แนะนำไว้คือ
กุ้งพี 15
ตักมา 1
ช้อนชา
ต้องได้ลุกกุ้ง
400 ตัว
ถือเป็นลูกกุ้งเกรด
A
นำไปเพาะเลี้ยงจะได้ผลดี
แต่ขณะนี้หาได้ยากมาก
ถ้าเกรด B
ลูกกุ้งใน
1
ช้อนชาก็จะได้ประมาณ
600 ตัว
ยังถือว่าใช้ได้หลังจากปล่อยกุ้งลงบ่อแล้วปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากเรื่องอาหารสำหรับอาหารของลูกกุ้งเมื่อเริ่มเลี้ยง
ปัจจุบันนิยมเตรียมหรือใช้อาหารธรรมชาติ
ซึ่งมีส่วนดีและจะช่วยได้มาก
เพราะถ้าให้อาหารสำเร็จหรืออาหารผงที่ไม่ดีและมีอาหารเหลือ
จะมีปัญหาตามมามาก
ดร.พุทธ
เคยทดลองพบว่า
อาหารเหลือครั้งหนึ่งก่อให้เกิดแอมโมเนียได้เกือบ
10 วัน
ขณะที่อาหารมีชีวิตหรืออาหารธรรมชาติเหลือก็ไม่ตาย
ทั้งยังช่วยกินสารอินทรีย์และจุลินทรีย์ได้ด้วย
อาหารสำหรับลุกกุ้งพี
15
ที่เพิ่งลงบ่อถ้าเป็นพวก
โคพีพอด
หรือไรน้ำกร่อย
หรืออาร์ทีเมียเพิ่งฟัก
ถ้าจะกินเปลืองมากจึงหมดไปอย่างรวดเร็วอาหารที่มีขนาดเหมาะกับลูกกุ้งช่วงนี้ควรมีขนาด
5-6 มม.
ซึ่งอาจจะเป็นอาร์ทีเมียที่เลี้ยงอย่างหนาแน่น
5-6 วัน (ถ้าแบบที่เลี้ยงในบ่อดินน้ำเค็มจัดจะเป็นการเลี้ยงอย่างไม่หนาแน่น)
ลูกน้ำขนาดเล็กหรือลูกไส้เดือนทะเล
แต่ที่สำคัญคือหนอนแดงหรือตัวอ่อนของริ้น
โดยส่วนใหญ่ริ้นมีอยู่ทั่วไปและจะมาวางไข่ในแหล่งน้ำที่มันได้กลิ่นอาหารซึ่งเป็นพวกสารอินทรีย์
เราสามารถเตรียมอาหารพวกนี้ให้ลูกกุ้งได้เมื่อเริ่มเตรียมบ่อโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง
ทั้ง 2
วิธีเป็นการใช้น้ำหมักที่ทำเอง
วิธีแรกเป็นของคุณพรเทพ
จะเตรียมน้ำหมักโดยใช้เศษผัก
3 กก.
กากน้ำตาล
1 ลิตร
หมักในสภาพไร้อากาศ
5-7 วัน
แล้วเอาส่วนที่เป็นน้ำมาใช้เป็นหัวเชื้อโดยหัวเชื้อ
1 ลิตร
กากน้ำตาล
1 ลิตร
และน้ำ 20
ลิตร
หมักแบบเดิมประมาณ
3 วัน
นำไปสาดลงบ่อที่ใส่น้ำไว้แล้วในปริมาณ
25
ลิตรต่อไร่
อีก 3-4
วันใส่อีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็จะพบอาหารของลูกกุ้งเกิดขึ้น
บ่อพร้อมที่จะลงลูกกุ้งได้ส่วนวิธีที่สอง
เป็นวิธีของคุณหมอสุรศักดิ์
หมักกากน้ำตาล
1 กก.
แป้งมันสำปะหลัง1
กก. รำ 1 กก.
ยีสต์ขนมปังหวาน
40 กรัม
น้ำ 30
ลิตร
หมักแค่ 2วันก็นำไปสาดบนหญ้าแห้งหรือฟางที่มัดเป็นฟ่อนวางไว้ชานน้ำมุมบ่อโดยสาดในตอนเย็น
อาหารธรรมชาติที่ต้องการก็จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ถ้าไม่มีอาหารธรรมชาติหรือมีไม่พอในช่วง
2
สัปดาห์แรกไข่ตุ๋นก็เป็นอาหารที่น่าสนใจเพราะกุ้งชอบกินมากกว่าอาหารแห้ง
ถ้าเหลือเราสังเกตได้ง่ายและเราสามารถใส่วัตถุดิบได้หลากหลาย
แต่ละวันไม่ต้องเหมือนกันก็ได้
ถ้าผสมเนื้อหอย
หมึก
หรือเคยได้ก็จะดีมาก
เตรียมเสร็จใช้เลยไม่ต้องห่วงเชื้อราไม่ต้องห่วงว่าจะได้สารอาหารไม่ครบเพราะสารอาหารที่ขาดอยู่กุ้งจะได้จากจุลินทรีย์และแพลงก์ตอนที่มีอยู่ในบ่อ
ข้อควรระวังก็คือ
อย่าให้จนเหลือหรืออย่าให้ในจุดที่กุ้งกินไม่ได้
ไข่ตุ๋นเป็นอาหารสดถ้าเหลือจะก่อปัญหาได้เร็วกว่าอาหารแห้งหรืออาหารสำเร็จความจริงกุ้งกินอาหารสำเร็จได้ตั้งแต่ระยะซูเอียที่กุ้งเริ่มกินอาหาร
แต่เพราะยังไม่มีอาหารสำเร็จสมบูรณ์สำหรับลูกกุ้งกุลาดำ
และเราอนุบาลลุกกุ้งในน้ำใส
(ไม่คิดสีที่
เกิดจากยาหรืออาหารผงหรือสีน้ำเทียม)
ธรรมชาติจึงไม่มีโอกาสช่วยสร้างสารอาหารที่ขาดหายไปให้กับลูกกุ้ง
ที่สำคัญไปกว่านั้นประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น
ทำให้อาหารสำเร็จหรืออาหารไม่มีชีวิตเน่าเสียได้เร็ว
ควบคุมคุณภาพของน้ำได้ยาก
จึงทำให้การใช้อาหารสำเร็จในโรงเพาะฟักไม่ค่อยได้ผลโดยเฉพาะเมื่อใช้มากตั้งแต่ระยะซูเอียและไม่ค่อยได้ใช้อาหารมีชีวิตในช่วงหลัง
สำหรับในบ่อดินเมื่อคุณภาพของดิน-น้ำเสื่อมลง
คุณภาพของลูกกุ้งและอาหารไม่สามารถวางใจได้เต็มที่
ประกอบกับการจัดการที่ผิดพลาดจึงทำให้บ่อมีปัญหา
กุ้งมีปัญหา
การพยายามสร้างหรือใช้อาหารธรรมชาติในเดือนแรกที่เริ่มเลี้ยงจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
ทั้งนี้ขอให้เข้าใจว่ากุ้งกินอาหารแบบกัดแทะและใช้กลิ่นเป็นหลักในการพิจารณากิน
กุ้งกินได้ทั้งพืช
กินได้ทั้งสัตว์
กินได้ทั้งอาหารมีชีวิต
กินได้ทั้งอาหารที่ตายแล้ว
รวมทั้งซากเน่าเปื่อยและอาหารสำเร็จกินได้โดยไม่ต้องฝึก
แต่ถ้ามีให้เลือกกุ้งจะกินอาหารที่ชอบมากกว่า
เช่น
กุ้ง หอย
หมึก ปลา
ก่อนอาหารอื่น
อย่างไรก็ตาม
กุ้งไม่ใช่นักไล่ล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร
กุ้งไม่ใช่สัตว์กินกันเองตามศัพท์
Canibalism
คือกุ้งจะไม่สามารถกินกุ้งเป็นๆที่ปกติดี
แต่กุ้งอาจจะกินกุ้งที่ป่วยหนัก
บาดเจ็บ
หรือตาย
ไม่สามารถเคลื่อนหนีได้
กุ้งปกติแม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังลอกคราบก็จะถูกกินได้ยาก
ข้อสำคัญต้องดูแลคุณภาพของน้ำให้ดีกุ้งจะได้แข็งแรง
เมื่อไม่มีอาหารธรรมชาติสามารถใช้อาหารสำเร็จเลี้ยงกุ้งได้ทันที
โดยใช้อย่างระมัดระวัง
อย่าให้จนเหลือโดยเด็ดขาดและต้องหว่านอาหารให้กระจายทั่วถึงในบริเวณที่กุ้งกินได้
ช่วง 5
ทุ่มถึง 6
โมงเช้า
ไม่ควรให้เพราะกุ้งกินน้อยและเป็นช่วงวิกฤตในรอบวันในเรื่องออกซิเจน
อีกทั้งเป็นช่วงที่กุ้งมักจะลอกคราบ
ถ้าน้ำใสขอให้ปรับลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อในตอนกลางวันลง
แล้วไปเพิ่มอาหารในมื้อหัวค่ำแทน
ถ้าในบ่อเกิดปัญหาน้ำเสีย
กุ้งป่วยไม่ค่อยกินอาหารหากไม่สามารถถ่ายน้ำได้
ให้หยุดให้อาหารได้เลยกุ้งจะช่วยทำความสะอาดบ่อช่วยเก็บกินอาหารเหลือและเศษซากอื่นรวมทั้ง
ขี้แดด
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ
ข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่ฝากให้คนเลี้ยงกุ้งหรือคนที่อยากเลี้ยงกุ้งได้นำไปพิจารณาร่วมกับข้อมูลอื่นๆ
ค่ะ
ที่สำคัญเกษตรกรควรจะตรวจสอบอาหารสำเร็จที่จะใช้ในเบื้องต้นด้วยตนเองอย่างง่ายๆ
เริ่มต้นจากสีต้องสม่ำเสมอ
กลิ่นต้องไม่เหม็นหืนเมื่อใส่ลงในตู้ที่เอากุ้งอดอาหาร
3-4
ชั่วโมงมาใส่ไว้
กุ้งจะต้องเข้าหาอาหารภายในเวลา
15 นาที
เมื่อแช่อาหารในน้ำไม่มีส่วนที่จะละลายออกมามากและพอจะคีบได้เมื่อครบ
2 ชั่วโมง
แสดงว่าอาหารดีมีคุณภาพสม่ำเสมอ
ใช้น้ำมันดีมีกลิ่นที่กุ้งชอบ
ใช้สารเหนียวเหมาะสม |
|
| |
โดย : โกสินทร์ เมื่อ :
23/03/2004 | |
เอกสารอ้างอิง :
http://www.nicaonline.com/articles2/site/view_article.asp?idarticle=122
| |
|
| |
|